รับราชการในสมัยรัชกาลที่ ๕ ของ เจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ (หม่อมราชวงศ์หลาน กุญชร)

ถึงปีมะเส็ง เอกศก จุลศักราช 1231 (พ.ศ. 2412) เป็นมหาดเล็กสารถีขับรถพระที่นั่ง ครั้นเมื่อปีมะเมีย โทศก จุลศักราช 1232 (พ.ศ. 2413) เป็นนายกวดหุ้มแพรมหาดเล็กเวรฤทธิ์ ปีมะแม ตรีศก จุลศักราช 1233 (พ.ศ. 2414) เป็นจ่ายงเวรศักดิ์ รับพระราชทานเบี้ยหวัด ๒ ชั่ง ครั้นถึงปีวอกได้รับพระราชทานเบี้ยหวัด 2 ชั่ง 10 ตำลึง ปีระกา เบญจศก จุลศักราช 1235 (พ.ศ. 2416) ได้รับ ๓ ชั่ง เงินเดือน ๆ ละ ๑๐ ตำลึง แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นนาคหลวงอุปสมบทในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ได้รับพระราชทานบริขารเท่าหม่อมเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ เมื่อยังทรงดำรงพระยศเป็นกรมพระเป็นพระอุปัชฌาย์ หม่อมเจ้าพระธรรมุณหิศธาดา (สีขเรศ วุฑฺฒิสฺสโร) กับสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) เมื่อครั้งเป็นพระสาสนโสภณที่พระธรรมวโรดม เป็นคู่สวด แล้วจำพรรษาอยู่ที่วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม (เจ้าพระยาเทเวศรวงศ์วิวัฒน์, ๒๔๖๖: ข - ข)[2]

ต่อมาปีขาล สมฤทธิศก จุลศักราช 1240 (พ.ศ. 2421) เป็นหลวงเดชนายเวรมหาดเล็กเวรเดช รับพระราชทานเบี้ยหวัด 3 ชั่ง 10 ตำลึง ถึงวันอังคาร เดือนเจ็ด ขึ้นเจ็ดค่ำ ปีเถาะเอกศก จุลศักราช 1241 (พ.ศ. 2422) เป็นเจ้าหมื่นสรรพเพธภักดี หัวหมื่นมหาดเล็กเวรศักดิ์ ถือศักดินา ๑๐๐๐[3]ได้หีบทอง ได้รับพระราชทานเบี้ยหวัด ๔ ชั่ง ถึงวันพฤหัสบดี เดือนสี่ ขึ้นสิบเอ็ดค่ำ ปีมะโรงโทศก จุลศักราช ๑๒๔๒ (พ.ศ. ๒๔๒๓) พระองค์เจ้าสิงหนาทฯ สิ้นพระชนม์ ได้รับพระราชทานตราจัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย ได้ว่าการกรมมหรสพ กรมหุ่น กรมรถ กรมรถม้า แต่ราชการกรมรถม้านั้น ตระกูลนี้ได้ว่ามาแต่รัชกาลที่ 2 ติดเนื่องกัน 4 ชั่วคน ไม่มีตระกูลอื่นแทรกเลย แล้วได้ตรามงกุฏชั้น 4 ต่อมา 2 หรือ 3 ปี ได้ตรามงกุฏชั้น ๓ และได้โต๊ะทอง กาทอง เป็นองคมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๒๖ มิถุนายน ร.ศ. ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒) เป็นจางวางมหาดเล็ก ได้พานทองกลม ตราทุติยจุลจอมเกล้าและตราช้างเผือกชั้น ๓ ได้รับพระราชทานเบี้ยหวัด ๘ ชั่ง ต่อมาได้ ๑๐ ชั่ง เงินเดือน ๆ ละ ๑๐ ตำลึง (เจ้าพระยาเทเวศรวงศ์วิวัฒน์, ๒๔๖๖: ค)[2] ถึงวันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2432 ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น "พระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์" จางวางมหาดเล็ก ถือศักดินา ๓๐๐๐[4]

ร.ศ. 111 (พ.ศ. 2435) ได้รับตราจุลจอมเกล้าวิเศษแลพานทองเป็นครั้งที่ 2 แลตรามงกุฎชั้นที่ 3 เป็นพระอภิบาลสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามบรมราชกุมาร ร.ศ. 112 (พ.ศ. 2436) ได้เป็นข้าหลวงไปปักปันเขตแดนเมืองสงขลากับเมืองพัทลุง ต่อมาเป็นพระยายืนชิงช้า แล้วได้ว่าราชการกรมโขนหุ่น กรมรำโคม กรมพิณพาทย์ (เจ้าพระยาเทเวศรวงศ์วิวัฒน์, ๒๔๖๖: ค)

แหล่งที่มา

WikiPedia: เจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ (หม่อมราชวงศ์หลาน กุญชร) http://www.reurnthai.com/index.php?topic=3436.19 http://naranong.net/family_1_1.html http://www.sammajivasil.net/sripen/history005.htm http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2427/00... http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2427/06... http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2430/03... http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2432/01... http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2432/03... http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2433/04... http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2436/03...